สารคดีสั้ตว์โลก ทั่วไป มีอะไรบ้าง ?
สารคดีสั้ตว์โลก นกกระเรียน นกกระศึกษาเล่าเรียน (Crane) เป็นนกขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ทั่วทั้งโลก นอกจากทวีปแอนตาร์ข้อตกลง และทวีปอเมริกาใต้ ส่วนในประเทศ ไทยเจอเพียงชนิดเดียว นกกระศึกษาเล่าเรียนไทย (Sarus crane) เป็นนกพื้นถิ่น ไม่น่าใช่นกอพยพ เป็นนกบินได้ที่มากที่สุดในโลก เมื่อยืนจะสูงถึง ๒ เมตร หนักราวกับ ๖-๑๒ กิโลกรัม ณ เวลาปีกยาว ๒๕๐ เซนติเมตร มีลำตัวและปีกสีเทา คอเวลาบนและหัวเป็นหนังเปลือยสีแดง ไร้ขน สารคดีสั้ตว์โลก ดิ่งกระหม่อมเป็นสีเทาหรือเขียว คอยาว เวลาบินคอจะเหยียดตรง ขนปลายปีกและขนคลุมขนปลายปีกสีดำ ขนคลุมขนปีกด้านล่างสีเทา ขนโคนปีกสีขาว ขายาวเป็นสีดูพู มีแผ่นขนหูสีเทา
ม่านตาสีส้มแดง ปากแหลมสีดำแกมเทา หนังเปลือยสีแดงรอบๆหัวจะแดงสดใสในขณะฤชมผสมพันธุ์ หนังรอบๆนี้จะหยาบเป็นตะปุ่มตะป่ำ มีขนสีดำตรงข้างแก้มและท้ายทอยรอบๆแคบๆ ทั้งคู่เพศปราศจากความแตกต่างที่แจ้งชัดนัก
ที่เคยพบในประเทศไทยคือนกกระศึกษาเล่าเรียนพันธุ์ตะวันออก (G.a.sharpii) หรือนกกระเล่าเรียนอินโดจีน หรือนกกระเรียนรู้หัวแดง เคยอยู่ทั่วๆไปในคาบสมุทรอินโดจีน แต่ในช่วง ๕๐ ปีที่ล่วงเลยไปปริมาณน้อยลงเป็นอย่างมาก คาดกันว่าสามัญชนมีเพียง ๑๐ หรือน้อยกว่า (ประมาณ ๒.๕%) ของปริมาณที่มีอยู่ภายในคริสต์ทศวรรษ ๑๘๕๐
ปัจจุบันคงคงเหลืออยู่บ้างในพม่า เวียดนาม กัมพูชา ช่วงเวลาที่ประเทศอินเดียคือแหล่งป้อมของนกประเภทนี้ซึ่งถูกยกให้เป็นเครื่องหมายความซื่อสัตย์ของชีวิตคู่ เนื่องจากหมู่มันมักมีคู่ตัวเดียวชั่วกัลปาวสาน เชื่อเรื่องกันว่าเมื่อคู่ตายนกอีกตัวจะเศร้าโศกจนตรอมใจตายตาม โดยในอินเดียนกพวกนี้อาศัยนาข้าวสำหรับในการเพิ่มปริมาณ ส่วนในประเทศไทยจัดว่าสูญพันธุ์ออกไปจากธรรมชาติแล้ว มีให้เห็นได้ชัดแค่ในสวนสัตว์เท่านั้น
นกกระศึกษาอาศัยอยู่ด้านในพื้นที่หลายประเภท พื้นที่ที่ชอบที่สุดดังเช่นว่าหนองน้ำขนาดเล็กที่ มีจำเพาะฤชมกาล พื้นที่ราบที่ถูก น้ำท่วม พื้นที่ชุ่มน้ำที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลมาก ไร่ที่พึ่งไถ และที่นา
ถูกใจกินหัวพืชใต้ดิน และกินสัตว์ขนาดเล็ก ฤชมผสมพันธุ์หลักอยู่ในฤดูฝน คู่นกจะสร้างรังเป็นเกาะรูปวงกลมจากกก อ้อ พงหญ้า มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ ๒ เมตร และสูงเพียงพอที่จะอยู่เหนือจากน้ำรอบรัง
ชื่อสามัญ sarus มาจากชื่อเรื่องในศัพท์แสงฮินดีของนกกระเรียนประเภทนี้ มาจากคำสันสกฤต sarasa แปลว่านกทะเลสาบ ส่วนชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ antigone ตั้งตามชื่อเรื่องลูกสาวของอีดิปุส ในตำช้านานกรีก ผู้แขวนคอตนเอง คงเกี่ยวพันกับผิวหนังเปลือยดิ่งศีรษะและลำคอ
นกกระเรียนไทยจัดอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในบัญชีแดงของสหรูปเพื่อที่จะการอนุรักษ์ธรรมชาติ และไซเตสจัดอยู่ด้านในบัญชีอนุรักษ์ที่ ๒ และเป็นสัตว์ป่าสงวนหนึ่งใน ๑๕ จำพวกตาม ระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองป้องกันสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕
สถานะปัจจุบันนี้จัดเป็นสูญพันธุ์ออกไปจากธรรมชาติแล้ว โดยประเทศไทยเจอนกกระเรียนในธรรมชาติครั้งท้ายที่สุดในปีพุทธศักราช๒๕๑๑ บริเวณชายแดนติดกับกัมพูชา
อย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยความเข้าร่วมมือขณะประเทศไทย และมูลนิธิอนุรักษ์นกกระศึกษาสากล (ICF) ที่ด้วยกันจัดการทำโครงการนำนกกระเรียนคืนถิ่นมาตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๕๒๕ เดี๋ยวนี้ พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะจัดการงานโครงการทดพยายามปลดปล่อยนกกระศึกษาเล่าเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่พื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติ (ประเทศไทย) และสวนสัตว์นครราชสีมาได้ทดทดลองปล่อยนกกระเรียนไทย อายุ ๕-๘ เดือน จำนวน ๑๐ ตัว กลับคืนสู่ธรรมชาติที่รอบๆอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก บุรีรัมย์
จากการติดตามประสบว่านกกระเล่าเรียนดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้านในธรรมชาติได้ตามเดิม ในปีถัดมาได้ปล่อยนกกระศึกษาไทยกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกที ปริมาณ ๙ ตัว ที่จุดเดิม
แมลงเต่าทองคำ
แมลงเต่าทอง หรือด้วงเต่าทอง หรือนิยมเรียกกันว่า เต่าทองคำ หรือ Ladybird, Ladybug ในศัพท์แสงอังกฤษ จัดเป็นแมลงปีกแข็งขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับแมลงปีกแข็งทั่วๆไป ตัวป้อมปราการๆ ลำตัวส่วนหลังมีสีเหลือง หรือสีทองคำ หรือสีแดง บางสกุลมีข้างหลังสีเงิน หรือสีใส เรียกว่า เต่าเงิน บางชนิดมีจุดวงกลมสีดำ ปีกแข็งใส โค้งนูน เมื่อหุบปีกเข้าหากันจะจดกับด้านหลังนำมาซึ่งการทำให้มองคล้ายหลังเต่า และมักจะมีหนวด
วงจรชีวิตของแมลงเต่าทองคำ แมลงเต่าทองคำวางไข่ใช้ระหว่าง ๓ วัน ไข่จะฟักออกมาเป็นหนอนที่ยังเป็นตัวอ่อน ก่อนที่จะกลับกลายเป็นหนอนที่มีขนยาวปกคลุมทั้งตัวเมื่ออายุ ๗ วัน และไปสู่การเป็นดักแด้ในวันที่ ๑๐-๑๒ ใช้ขณะ ๕ วันก่อนที่จะออกมาจากดักแด้ และกลับกลายเป็นแมลงเต่าทองคำสุดท้าย
ข้อมูลจากสำนักศึกษาค้นคว้าเศรษฐกิจการเกษตร เขียนว่า สันนิษฐานกันว่าแมลงเต่าทองมีอยู่บนโลกใบนี้ช้านานกว่า ๓๐๐ ล้านปี โดยมีมากกว่า ๑๐๐ สายพันธุ์ มีบันทึกเรื่องเล่าว่า เวลาปลายปี ค.ศ. ๑๘๘๐ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กำเนิดฝูงแมลงเข้าทำลายผลส้ม ชาวสวนนึกได้ถึงบันทึกเรื่องราวที่ว่ากำเนิดแมลงศัตรูพืชปริมาณมากมาทำลายข้าวในนา ผู้ที่ทำนาอับจนเชาวน์ปัญญาช่วยตนเองไม่ได้ จึงสวดอ้อนวอนพระแม่มารี พระนางก็ได้ส่งแมลงเต่าทองปริมาณมากมายลงมาช่วยจัดแจงกับเหล่าศัตรูพืชจนหมด จากเรื่องเล่าคนที่ทำพืชสวนส้มแคลิฟอร์เนียก็เลยรวมกันสั่งซื้อแมลงเต่าทองจำนวน ๑,๐๐๐ ตัว จากออสเตรเลีย เข้ามาปล่อยให้แพร่พันธุ์ในสวนส้ม ซึ่งเลดี้บั๊กก็ได้ช่วยกันขจัดแมลงศัตรูพืชจนหมดสิ้น
ในโลกปัจจุบันแมลงเต่าทองมีขีดความสามารถในการหาที่อยู่ใหม่ และปรับปรุงเวอร์ชั่นการใช้ชีวิตหากินในระบบนิเวศได้อย่างดีเยี่ยม มันสามารถถ้าินในที่แคบ และอาศัยอยู่ใต้ก้อนหินหรือเปลือกไม้ได้ ในยามที่อากาศหนาวเย็นพบได้มากอยู่รวมกันเป็นหมู่ ซึ่งบางคนกล่าวว่าปัจจุบันนี้เป็นการจำศีล หรืออาจพักผ่อนร่างกาย เพื่อที่จะรอขณะใบไม้อ่อนผลิออกมา
เต่าทองคำตัวเมียเริ่มต้นออกวางไข่
ซึ่งมีเค้าหน้ารูปร่างรีๆ สีเหลือง ยาวประมาณ ๑ มิลลิเมตร เรียงคล้ายบันไดใต้ใบไม้ หลังตัวอ่อนฟักออกมาสู่โลกภายนอก มีลำตัวยาวสีเทาดำ มีจุดลายสีขาวอมเหลือง มีหนามตามลำตัว มีขา ๓ คู่ ขยับเขยื้อนได้ว่องไวเพื่อล่าเพลี้ยกินเป็นอาหาร ตุนไว้ดำรงชีวิตใแขวนู่รอดเวลาแปรเปลี่ยนเป็นดักแด้ พอโตเต็มวัยมีสีแดง แดงอมส้ม หรือเหลือง ที่ปีกมีจุด ๖ จุด เป็นเส้นหยักขวาง ๒ คู่ และจุด ๑ คู่ ใกล้ปลายปีก
ล่าสุดมีจังหวะปรากฏเลดี้บั๊กกันเล็กน้อย สาสาเหตุหนึ่งมาจากวิธีการใช้สารเคมีในไร่สวนจำนวนมาก บ้านไหนที่ปรับแปรไปใช้ชีวภาพขจัดศัตรูพืช เต่าทองคำก็จะออกมาอวดรูปโฉมให้เห็นได้ชัด คล้ายกับบ่งบอกว่าโชคดี (เนื่องจากว่าลดต้นทุนการผลิตลงได้) กำลังเดินทางมาเยือนสวนนี้แล้ว ฉะนี้ก็เลยพูดได้เลยว่า แมลงเต่าทองคำเป็นตัวชี้วัดสิ่งแวดล้อมว่ามีสารพิษตกค้างอยู่มากนิดหน่อยเพียงใดได้เป็นอย่างดี
แมลงเต่าทองคำเป็นขวัญใจของหลายๆคน เหตุเพราะสวยงาม ทั้งชมเป็นมิตร และแม้จะมีหลายชนิด มีรูปพรรณสีที่หลากหลาย แต่แมลงเต่าทองมีสิ่งหนึ่งที่เช่นเดียวกัน คือการใช้ณ เวลาจำนวนมากด้อมๆ อยู่ตามต้นไม้ เพื่อที่จะหาอาหารนั่นเอง และถึงแม้ว่ามันจะบินได้ แต่แมลงเต่าทองคำถูกใจเดินมากมายยิ่งกว่าด้วยขาทั้งหกของมันซึ่งแข็งแรงพอที่จะพาตัวไต่ขึ้นๆ ลงๆ ตามลำต้นไม้ ครั้นฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแมลงเต่าทองจะประสมประสานตามกอไม้ดอก เพื่อรวบรวมละอองเกสรให้จำนวนเยอะที่สุด เพราะละอองเกสรจะให้ไขมันมาก เพื่อใช้สำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตในหน้าหนาวซึ่งมันจะจำศีล