ซีรีย์ Netflix ซีรีส์แนวโรแมนติกแฟนตาซี
ซีรีย์ Netflix The Sandman เดอะ แซนด์แมน ซีรีส์ที่ถือเอาแนวความคิดสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง ‘ความฝัน‘ มาเป็นจุดยืนของเรื่อง โดยเอามาต่อยอดแล้วก็ตกแต่งให้กำเนิดเป็นโลกนิมิตเหนือจินตนาการออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจรวมทั้งเชื้อเชิญฝัน ซึ่งแน่ๆว่าก็จำต้องชูความดีความชอบให้กับด้านโปรดักชั่น หนังฟรี ซึ่งสามารถถ่ายทอดความคิดริเริ่มของ Neil Gaiman จากฉบับ comic ออกมาเป็นฉบับซีรีส์ได้อย่างละเอียดลออ แม้กระนั้นเว้นแต่ความน่าชมในด้านภาพ แสงสว่าง สี แล้วก็ดนตรีของซีรีส์แล้วนั้น รายละเอียดที่เล่นกับข้อความสำคัญ ‘ความฝัน’
โดยนำเอาตำนานที่กล่าวขวัญกันมาอย่างเป็นเวลายาวนานของ Sandman ที่มาพร้อมทั้งทรายยอดเยี่ยม บันดลความฝันให้กับผู้คนโดยยิ่งไปกว่านั้นเหล่าเด็กๆมาเปลี่ยนแปลงให้เป็นทวยเทพเทวดาที่ดินแดนนิมิตซีรีส์ทุนสูง 160 ล้านที่เป็นคอมมิคขึ้นหิ้งมาก่อนของค่าย Vertigo ที่อยู่ในเครือ DC Comics เป็นโปรเจ็กต์ที่ถูกปลุกปั้นมานานหลายต่อผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยต้องการทำ แม้กระนั้นในที่สุดก็ตกมาอยู่ในมือของเดวิด เอช โกเยอร์ คนเขียนบทดังจากหนังของโนแลน แล้วก็ผันตนเองมาทำหนัง Man of steel ซีรีส์ Foundation
แล้วก็อื่นๆที่ล้วนแต่เป็นฟอร์มใหญ่แทบทั้งนั้น โดยมีนีลไกแมนคนเขียนหัวข้อนี้เองมาร่วมเป็นโปรดิวเซอร์คุมอย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งแน่ๆว่าทำให้ผลงานที่ออกมาออกจะน่าเชื่อว่าตรงจากที่ผู้ผลิตอยากได้แน่นอนThe Sandman เดอะ แซนด์แมน“จะกำเนิดอะไรขึ้น เมื่อความฝันถูกพรากไป?” เป็นปริศนาสำคัญของ The Sandman อิทธิพลของความฝันนั้นแตกต่างออกไปตามแต่ละบุคคล สำหรับบางบุคคล ความฝันเป็นสิ่งน่าสงสาร เป็นเสมือนการลวงหลอกตัวเองไปวันๆเพื่อพาตนเองหนีออกมาจากโลกความจริง แม้กระนั้นสำหรับบางบุคคลนั้น
ความฝันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นเช่นกำลังใจให้ลุกขึ้นยืนและก็ก้าวเดินต่อไปในทุกๆวัน แต่ว่าจะก้าวเดินไปในทางที่เหมาะสมควรจะหรือเปล่า ก็ไม่ใช่สิ่งที่เทวดานิมิตจะสามารถบันดาลใจหรือแทรกแซงได้ทั้งสิ้น แม้กระนั้นเป็นสิ่งที่แต่ละคนจำต้องคิดหนักรวมทั้งตกลงใจด้วยตัวเองในตอนท้ายจุดเด่นของหัวข้อนี้ก็คืองานภาพแฟนตาซีที่แปลกประหลาดรวมทั้งชักชวนหลงไหลตั้งแต่ในคอมมิคมาก่อนแล้ว การได้มาทำเป็นซีรีส์ทุนสูงก็ทำให้ภาพที่ออกมาเสมือนหลุดมาจากฉากในคอมมิคเป๊ะๆเลย
ซึ่งเพียงแค่งานภาพสิ่งเดียวก็เกือบจะทำให้ผู้ชมติดตามดูด้วยความตื่นตาตื่นใจได้มากพอแล้ว ซีรีย์ Netflix ตัวเรื่องยังแปลความหมายเทวดาต่างๆใหม่ในแบบของตนเอง หรือบอกให้ชัดเป็นในแบบของนีลไกแมน ถ้าเกิดคนไหนกันเคยได้มองผลงานแนวเทวดาของเขามาก่อนอปิ้ง Good Omens กับ American Gods ที่อยู่ในค่าย Prime Video ของ Amazon หรือลูสิเฟอร์ฉบับซีรีส์ (ดึงเอานักแสดงนีลไกแมนมาใช้) ก็จะเข้าดวงใจว่าเขามีไสตล์การบิดปรับเรื่องเทวดาในตำนานให้มาอยู่ในยุคสมัยใหม่ได้อย่างน่าดึงดูดมากมาย แต่ละเรื่องหากแม้เทวดาจะมีซ้ำกันตัวเดิมๆแต่ว่าก็เปลี่ยนค้างแรกเตอร์เรื่องราวแตกต่างกันไปหมด
ในกรณีของแซนด์แมนนั้นใช้ผู้แสดงนำที่สร้างขึ้นจาก Morpheus เทวดาที่ความฝันของภาษากรีกโบราณ คำว่าแซนด์แมนเป็นทรายยอดเยี่ยมที่นักแสดงนี้ใช้สร้างรวมทั้งทำสิ่งต่างๆได้มากมายในความฝัน เปิดรื่องมาเป็นการเกริ่นที่มาว่าเขาถูกมนุษย์ที๋โลภต้องการเรียกเดธพี่สาวของเขามาช่วยชีวิตลูกชายตน โดยใช้เวทมนตร์คาถากักขังกลับได้เขามาแทน และก็ยึดเอาของดีเลิศประจำตัวไป ภายหลัเขาหลุดออกมาไ้ด้ก็ติดตามหาข้าวของเหล่านี้คืน ทำให้จะต้องเสี่ยงภัยไปยังที่ต่างๆในโลก จนกระทั่งเมืองนรกที่มีลูสิเฟอร์คุมอยู่
ซึ่งนักแสดงต่างๆที่แซนด์แมนจะต้องไปพบก็คือเทวดาที่นีลไกแมนแปลความดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้เค้ากับเค้าเรื่องราวที่มีแซนด์แมนเป็นศูนย์กลางของเรื่อง โดยมีปัญหาอีกทั้งจากพวกลูกพี่ลูกน้องเทวดาคุ้นเคยที่เกลียดแซนด์แมน มนุษย์ที่เอาพลังของแซนด์ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรไม่เหมาะสมจนกระทั่งขั้นสร้างหายนะให้แก่โลก ซึ่งตัวเรื่องจะสร้างขึ้นมาจากคอมมิคตอนแรกจบเป็นเล่มๆแล้วเอามาต่อกันกระทั่งเป็นซีรีส์ 10 ตอน มีตอนยาวเป็น 1-5 เป็นการตามหาของดีเลิศแซนด์แมนกลับมา
ต่อจากนั้นก็เป็นตอนย่อยแนะนำตัวละครเดธกับเพื่อนมนุษย์ของแซนด์แมน และก็ต่อด้วยเรื่องราวของฝันร้าย The Corinthian ที่หนีไปโลกมนุษย์ โดยธีมของเรื่องบางครั้งอาจจะคล้ายคลึงกันหมดเป็นแถวดราม่าแฟนตาซีเป็นหลัก แต่ว่ามีความแตกต่างตรงการเล่าเรื่องมากมายก่ายกองปี 1916 ผู้เล่าเรียนเวทมนตร์ในอังกฤษรวมตัวกันเชิญ มรณะ เทวดาที่ความตายมากักขังเพื่อจะได้ข่มขู่บังคับให้รู้สึกตัวชีพผู้เป็นหวานใจกลับมา แม้แต่ว่าข้อผิดพลาดได้ทำให้เทวดาอีกตนถูกขังไว้แทน โน่นเป็น นิมิต เทวดาที่ความฝันเมื่อเหล่าจอมคาถาอาคม
มิได้ความต้องการก็เลยฉกอาวุธของนิมิตเอามาใช้ประโยชน์แทน โลกอีกทั้งใบเมื่อไร้ความฝันก็ทำให้บางบุคคลไม่บางทีอาจหลับแล้วก็บางบุคคลไม่บางทีอาจตื่น และก็ที่สำคัญเมื่อไร้ผู้ดูแลเหล่าภูติผีปีศาจความฝันก็เลยหนีออกมายังโลกมนุษย์ด้วย โดยยิ่งไปกว่านั้นฝันร้ายนาม วัวรินเธียน ผู้ชอบพอการฆ่าคน เป็นหน้าที่ของนิมิตหรือแซนด์แมนที่ต้องหาทางหนีจากการควบคุมขังแล้วก็รักษาสมดุลของโลกอีกรอบ
ผลงานของ นีล ไกแมน (Neil Gaiman) เป็นกราฟิกโนเวล ซีรีย์ Netflix ไม่กี่เรื่องที่ได้รับการสรรเสริญให้ติดอันดับหนังสือขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าของ New York Times อีกทั้งถูกเรียกว่าคอมไม่กของเหล่านักปราชญ์ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นหนังสือคู่มือของหลายสำนักเดินคู่กับผลงานขึ้นหิ้งอย่าง ‘Watchmen’ ของอลัน มัวร์ (Alan Moore) แล้วก็ ‘The Dark Knight Returns’ ของ แฟรงก์ ไม่ลเลอร์ (Frank Miller)
Svaha: The Sixth Finger สวาหะ เลื่อมใสมืด
ความน่าดึงดูดใจที่สะดุดคนเขียนตั้งแต่วันแรกของการโปรโมตหนัง เป็นชื่อ อ่านปุบปับก็สัมผัสได้ถึงความแปลกลี้ลับ มีกลิ่นมนต์ขลัง ‘หกนิ้ว’ ดูหนังฟรี บางทีอาจสื่อถึงความเป็นสิ่งแปลกหาได้ยาก แล้วก็ภายหลังจากไปค้นคว้ามา ‘สวาหะ’ เป็นคำมาจากภาษาสันสกฤต ที่มีรากศัพท์แปลตรงตัวได้ว่า ‘กล่าวดี’ ถูกประยุกต์ใช้ในความหมายของการทักหรือยินดีต้อนรับ ถูกเอาไปใช้เอ่ยเป็นคำสร้อยประกอบพิธีบาปบูชาไฟศักดิ์สิทธิ์ตามคู่มือพระเวท
และก็เปลี่ยนมาเป็นบทส่งท้ายในบทสวดมนต์ มีผู้ชำนาญพุทธศึกษาเล่าเรียนเสนอไว้ว่า สวาหะระบุความเป็นองค์เทวดาผู้หญิง เมื่อดูสิ้นเรื่องก็กำลังจะถึงบางอ๋อว่าเพราะเหตุใดก็เลยลงคะแนนเสียงชื่อ ‘Svaha’Svaha: The Sixth Finger สวาหะ เชื่อถือมืดหนังเปิดเรื่องที่ปี 1999 ด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านบ้านนอกเมืองยองวอล จังหวัดคังวอน ได้ให้กำเนิดเด็กฝาแฝดหญิง ดังจะต้องคำสาปแช่ง ท่ามกลางอาเพทที่เกิดกับเหล่าสัตว์เลี้ยง ตัวอย่างเช่น แพะ (ในบางลัทธิจะใช้แพะเป็นสัตว์สังเวย) ฝาแฝดพี่คลอดมาด้วยรูปลักษณ์ครึ่งสัตว์
ตัวปกคลุมด้วยขน คู่แฝดน้องเสมือนคนธรรมดา แม้กระนั้นขามีแผลเหวะหวะซึ่งถูกพี่สาวภูติผีปีศาจกัดรับประทานระหว่างอยู่ในท้องแม่ข้างหลังคลอดแม่ก็ตาย แล้วบิดาก็ตายตามในเวลาถัดมา ตาและก็คุณยายก็เลยเลี้ยง อีกึมฮวา (สวมบทบาทโดย อีแจอิน) แล้วก็คุมขังคู่แฝดพี่เอาไว้ภายในโรงเก็บของข้างหลังบ้านเสมือนขังสัตว์ร้ายมาตลอด 15 ปี ไม่มีการแจ้งกำเนิด ไม่มีผู้ใดได้ประสบพบเห็น (ผู้ชม ก็มองไม่เห็นเช่นกัน เพียงแค่แพลมๆให้ทราบว่าน่าสยอง) มีงูป้องภัยยามผู้ใดกันรุกล้ำใกล้หรือเข้ามาอยากรู้อยากเห็น
กึมฮวาเป็นคนรอส่งของกินทิ้งเอาไว้หน้าร่องประตูโรงคุมขังที่มืดมาก ซีรีย์ Netflix คุณยายพึ่งพาอาศัยไสยเวท สวดมนต์ไหว้พระอิงสายคริสต์ คุ้มครองปกป้องกึมฮวามา สาวน้อยขากระเผลกมาตลอด รวมทั้งครอบครัวของคุณก็อยู่กันอย่างเก็บเนื้อเก็บตัว เมื่อใดที่มีปัญหาก็ย้ายบ้านความอิสระของการเชื่อในศาสนา
ในปี 2014 สมัยความอิสระของการเชื่อในศาสนา ผู้คนต่างเลือกเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจตามแต่เลื่อมใส มิจฉาชีพก็ซ่อนตัวหาผลประโยชน์ กำเนิดเป็นหน่วยงานหรือสำนักที่ฉ้อฉลอ้างตัวเป็นศาสดาหรือเผยแพร่หลักธรรมปฏิบัติไม่ถูกๆ
เป็นเครื่องบังหน้าก่อคดีด้านการเงิน หรือรุกรามความปลอดภัย ก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายสังคมอีกแบบหนึ่งที่จะต้องมีผู้ชำนาญเฉพาะด้านช่วยแสวงหา พินิจพิจารณา อันไหนจริงอันไหนเลียนแบบ แล้วก็เผยโฉมให้สังคมได้ทราบกันศาสนจารย์พัคอุงแจ (สวมบทบาทโดย อีจองแจ) ที่สถาบันวิจัยศาสนาตะวันออกไกล เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่นั้น แม้ว่าจะมีคำขึ้นต้นนามเป็นศาสนจารย์ ก็ใช่ว่าจะเชื่อมั่นในพระหรือศาสนา ที่ทำอยู่ก็เป็นเพียงแค่อาชีพหาเลี้ยงชีพ ที่ทำการเก่าๆเล็กๆของสถาบันก็มิได้มีผู้ใดมากมายไปกว่าตัวเขา ผู้ช่วยลอง (สวมบทบาทโดย ฮวังจองไม่น)
สถานที่สำหรับทำงานธุรการ และก็ ผู้ช่วยภาคสนาม ที่ปฏิบัติหน้าที่สายลับเป็น โยเซฟ (สวมบทโดย เดวิดอี) ความจะต้องอยู่รอดของที่ทำการนี้ ทำให้ ‘เงิน’ เปลี่ยนเป็นวัตถุประสงค์ด้วยเหมือนกัน การเปิดเผยแพร่บทความ ควรจะมีเงินเดือน หรือการเป็นวิทยากร ก็จะและก็ตามด้วยการรับบริจาค ดีกรีความโจษจันจะถูกชงแล้วก็ปั่นตามผลตอบแทน ทำให้เขาตกอยู่ท่ามกลางอีกทั้งความปิติยินดีแล้วก็ความชิงชังของฝูงชนที่ต่างกรุ๊ปกันในสังคม
ศาสนจารย์พัคมีพระบรรพชิตสายพุทธ ซึ่งเป็นรุ่นน้องยุคเรียน ชื่อ พระแฮอัน (เล่นบทโดย จินชอนคยู) รอช่วยทำให้ข้อเสนอแนะสำหรับการแปลความหมายทางศาสนา หรือข้อมูลในปรัชญาคำกล่าวอบรมสั่งสอน และก็การสอบสวนเรื่องราวสำคัญที่หนังจะเล่าถัดไป พระแฮอันขึ้นตรงต่ออยู่กับสำนักสงฆ์ที่มีหัวหน้าภาควิชาอาวุโส ซึ่งศาสนจารย์พัคไม่ค่อยถูกโฉลกด้วย ก็เลยมักเรียกท่านลับหลังว่า พระหัวปลาหมึก (รับบทบาทโดย ชาซุนกาง) ด้วยเหตุว่าท่านดูเหมือนจะมองดูทะลุเจตนาแอบแฝงของเขาเสมอ
เมื่อศาสนจารย์พัคเริ่มพอใจกรุ๊ปประชุมทางศาสนา’เนินกวาง’ ที่จังหวัดคังวอน ซึ่งเป็นกรุ๊ปเล็กๆที่มองเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดสังเกต ยกตัวอย่างเช่น ไม่รับของ ให้แต่ว่าทาน การสืบสืบจนถึงทยอยได้ข้อมูลมาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า กลุ่มนี้เป็นสายพุทธนิกายวชิรยาน (เป็น พุทธประเทศทิเบต) บูชาแม่ทัพซึ่งเป็นจตุๆโลกบาลผู้รักษาประจำสี่ด้าน ดังเช่น ท้าวดามุน-ทิศเหนือ ท้าวก็เลยจาง-ทิศใต้ ท้าวจีกุก-ทิศตะวันออก ท้าวควางมก-ทิศตะวันตก ซึ่งมีตำนานว่า เหล่าจตุๆโลกบาลนี้เคยเป็นมารทำเลวมาก่อน เมื่อได้เจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กำเนิดเลื่อมใสและก็เดินตามคำกล่าวสอน ก็เลยหันมาต่อสู้กับความชั่ว เอาชนะการทำศึกที่อสรพิษ ด้วยแสงสว่างที่พระพุทธคุณ จนได้ขึ้นสรวงสวรรค์เป็นพุทธองค์ไปด้วยในตอนที่ตำรวจบังเอิญเจอศพเด็กสาวมัธยมแห้งตายในฝาผนังปูนของทางลอด ในปากศพมีผ้ายันต์ห่อเม็ดถั่วสื่อว่าเกี่ยวกับพิธีการ การพิสูจน์ของผู้กองฮวัง (สวมบทโดย จองจินยอง) เอามาถึงผู้ต้องสงสัย คิมชอลจิน (สวมบทโดย จีซึงฮยอน) ซึ่งเจาะจงที่อยู่ที่สำนักเนินกวาง แม้กระนั้นไม่ทันได้ถึงตัวคิมชอลจิน ก็พบว่าเขากระโดดอาคารฆ่าตัวตายไปซะก่อน
และก็สองเส้นเรื่องก็มาบรรสิ้นสุดกันเมื่อศาสนจารย์พัคเจอข้อเท็จจริงจากการสืบต่อไปเรื่อยว่า คิมชอลจิน นี่แหละ ที่มีความคิดกันว่าตนเองเป็นเทวดาโลกบาลจีกุก ส่วนอีกสองได้เสียชีวิตไปที่ผ่านมาแล้ว ในตอนนี้เหลือแค่ท้าวควางมก ซึ่งเป็น ทุ่งนาฮัน (สวมบทโดย พัคจองไม่น) อีกทั้งสี่คนเคยเป็นเด็กถูกฟ้องฆ่าบิดามารดา รวมทั้งมาอยู่ที่สถานที่พินิจพิเคราะห์ยางจูใน จังหวัดคังวอนแบบเดียวกัน โดยมี คิมเจซอก (รับบทบาทโดย จองป่าดงฮวาน) เป็นบิดาสุดที่รักรับอุปการะเลี้ยงดูเติบโตมาชื่อท้องซาคิมเจซอก เป็นคนเขียนตำราซึ่งศาสนจารย์พัคไปค้นมาได้จากสำนักเนินกวาง
เอามาสู่การค้นหาข้อมูลเพิ่มจากพระปลาหมึกว่า ซีรีย์ Netflix คิมเจซอกกำเนิดในปี 1899 ที่เมืองยองวอล เขาเป็นที่เชื่อถือจากผู้คนในสังคมทั้งยังทางโลกแล้วก็ทางธรรม เป็นผู้จัดตั้งทงบัตระหนี่โย (เป็นกรุ๊ปสาวกความเชื่อถือหรือนิกาย) ในด้านทางโลกเป็นช่วยชาติในสมัยกู้เอกราชจากประเทศญี่ปุ่น ในทางธรรม เขาอยู่ในสายพุทธวชิรยานที่เผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น ถูกเรียกชื่อเป็นท้องซาคิมเจซอก ที่เป็นผู้ตรัสรู้ บรรลุพุทธภาวการณ์เป็นเทวดา ยังไม่มีผู้ใดรู้ชัดว่ามีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือเป็นอมตะตามคำร่ำลือ มีแม้กระนั้นลูกศิษย์สนิทสนมที่ได้เคยประสบพบเห็นตัว เคยมีข่าวสารว่าเขากำลังจะเขียนคู่มือใหม่ รวมทั้งกำเนิดล่องหนไปก่อน ตั้งแต่ปี 1985 ปีที่เขาได้เจอกับพระเกจิประเทศทิเบตรูปดัง
The Next 365 Days
สม่ำเสมอกับคาวมเย้ายวนที่แทบหมดความน่าเรียกร้องหา หนังโรแมนซ์อีโรติกสมัยใหม่สุดบันลือโลกใน “The Next 365 Days” ที่กลับมาสืบต่อเรื่องราวครบตรีภาคในหนังภาคปัจจุบันนี้ ที่ไม่น่าเชื่อว่าหนังน้ำเสียทำนองนี้จะแปลงเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่สำคัญของแวดวงหนังในขณะนี้ แม้กระนั้นเมื่อกล้าทำออกมาแล้ว ผู้ชมก็กล้ามองต่อ แม้ว่าจะรู้สึกกล้ำกลืนไม่น้อย ภายหลังภาคที่แล้วทำเอาไว้เจ็บแสบ…แบบไม่น้อยหน้ากันเลย
แสดงนำโดย อันท้องนา-มาเรีย เชกลูสกา (Anna-Maria Sieklucka) ผู้ครอบครองบท ‘เลาร่า’ เหมือนกันกับ ไม่เคเล มอร์โรเน (Michele Morrone) ที่กำลังจะได้กลับมาสวมบทบาทมัสสิโมเหมือนเคย สมทบด้วย สิความสงบ ซูสินทุ่งนา (Simone Susinna) ที่มารับบทบาท ‘ท้องนาโช’ พระรองของเรื่อง ทั้ง 2 ผู้กำกับ บาร์บารา เบียวอวัส (Barbara Bialowas) และก็ โทมาสซ์ มันเดส (Tomasz Mandes) ก็ยังคงรับหน้าที่สร้างรวมทั้งเขียนบทหนังให้กับภาคนี้อีกเหมือนเคย
ในภาคที่3 นี้ จะเน้นย้ำไปที่นักแสดง ‘เลาร่า’ หญิงสาวผู้เป็นเมียหัวหน้ามาเฟียมีอิทธิพลที่สุดในสิสิลี เวลาที่กำลังกลายเป็นเป้าจากศัตรูของผัวคุณ ‘มัสสิโม’ ถัดมาเลาร่าที่กำลังท้องก็ถูกจู่โจม แล้วก็คุณจำเป็นต้องทำทุกสิ่งเพื่อตนเองรอดชีวิตในเวลาเดียวกันตัวมัสสิโมก็จำต้องตกลงใจครั้งที่ยากที่สุดในชีวิต เขาจะเป็นเยี่ยงไรถัดไปหากว่าไม่มีเลาร่าอยู่ข้างกาย เขาจะอุปการะแลลูกผู้เดียวได้ไหม? วังวนชีวิตของพวกเขาจะเป็นยังไง? และก็ในอีก 365 วันของพวกเขานั้นจะจบลงเช่นไร? จำเป็นต้องไปพบคำตอบกัน
ข้างหลังการโต้เถียงของกรุ๊ปมาเฟีย อาเดรียโน น้องชายแฝดของมัสสิโมเสียชีวิต เลาร่ามีชีวิตรอดจากการเช็ดกยิงแม้กระนั้นคุณจะต้องเสียทารกในท้องไปอีกที ถึงมัสสิโมจะชอบใจที่เลาร่ารอดตายมาได้ แม้กระนั้นเขาก็ยังคงสงสัย ในความข้องเกี่ยวของเลาร่ากับทุ่งนาโช ทำให้ทั้งสองยิ่งบาดหมางกันหนักเข้าไปอีก ท้ายที่สุดแล้วความรักของเลาร่าจะเป็นเยี่ยงไรจำเป็นต้องไปติดตามทาง Netflix หนังยาว 1 ชั่วโมง 53 นาที
เลาร่าจะต้องเสียลูกไปถึงสองครั้งเรื่องราวเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่เปราะปราง ซีรีย์ Netflix บนรากฐานของความเชื่อถือแล้วก็ความหึงหวงที่ยังคงคือปัญหาบ่อนทำลายระหว่าง เลาร่า กับ มัสสิโม โดยที่ ท้องนาโช ที่เปลี่ยนเป็นผู้เอาแต่ใจ ก็กำลังจ้องมองจะสะบั้นความรักของทั้งสองลงเสีย ก่อนเกิดเป็นเงื่อนที่ความรักสามเส้าที่ไม่เคยทราบว่าจะข้อสรุปแล้วจะลงเอ่ยในแนวทางใดกันแน่?
ข้างหลังเลาร่าจะต้องเสียลูกไปถึงสองครั้ง ความรักที่มีต่อมัสสิโมก็เริ่มต่ำลง บวกกับขณะที่อยู่กับทุ่งนาโช คุณรู้สึกได้ถึงความสุภาพอ่อนโยนที่เขามีให้คุณ ไม่เหมือนกับผัวอย่างสิ้นเชิง เลาร่าพากเพียรอดกลั้นไม่ให้หลงใหลเขา แต่ว่าทุ่งนาโชก็ดันทุรังที่จะรุกคืบหน้า ภาคนี้เรื่องราวใช้ได้ เดินเรื่องดี เล่าถึงชีวิตครอบครัว เดินมาถึงทางตัน ความรักเปลี่ยนเป็นน่าระอา ฉากรักของพวกเขาก็ลักษณะเดียวกัน เมื่อได้ลองของใหม่ หัวใจก็วิ่งไปตามเสียงเรียกร้องของความมุ่งมาดปรารถนา แต่ว่ามีผัวเป็นมาเฟีย
ผู้มีอิทธิพลที่พร้อมจะพังทลายทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเกิดผิดดวงใจ ผลสรุปจะเป็นเยี่ยงไรที่ตรงนี้น่าติดตามคงจะไม่ต้องเกริ่นอะไรกันมากมายอีกแล้ว เนื่องจากว่าภาคนี้ก็ยังคงได้โอกาสมนักแสดงและก็กลุ่มผู้ผลิตชุดเดิม เนื่องจากว่าเป็นการถ่ายทำสม่ำเสมอมาจากภาคที่แล้วนั่นเอง แน่ๆว่าหนังหัวข้อนี้เกือบจะไม่เหลือใจความอะไรอีกแล้ว เนื่องจากว่าหนังแทบไม่เคยมีอะไรจุดนั้นมาตั้งแต่เริ่ม โดยเห็นได้ชัดว่าภาคนี้บากบั่นอย่างมากที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่องหาของหนัง แต่พล็อตเรื่องที่อ่อนมากมายๆมาตั้งแต่เริ่ม…แทบทำอะไรมิได้แล้ว
ภาคนี้ผูกปมไปสู่หัวข้อรักสามเส้าเข้าไปอย่างแจ่มกระจ่าง แต่ว่าเป็นการใส่เข้าไปแบบแข็งทื่อๆบนฐานรากของความน้ำเสียตามเนื้อเรื่อง รวมทั้งอีกเหมือนเคย หนังหัวข้อนี้มีรายละเอียดอยู่แค่เพียงจับมือเดียว แต่ว่าทำมาร้อยเรียงเป็นหนังแทบ 2 ชั่วโมง ที่เต็มไปด้วยน้ำไร้รสชาติที่แออัดให้กับผู้ชมแบบอิ่มเกือบจะพุ่งรวมทั้งสำลักออกมา ดังนี้จริงๆทำออกมาเป็นหนังสั้น 30 นาทีจบยังได้เลยด้วย
การเล่าเรื่องของหนังก็ยังมีโทนเดิมกับภาคที่แล้ว มีความเป็นหนังผสมมิวสิควิดีโอไปเรื่อยแม้กระนั้นยังดียิ่งขึ้นมานิดหน่อยตรงที่ภาคนี้มีรายละเอียดแทรกกับเรื่องราวแทรกเข้าไปบ้าง ไม่ใช่ว่าโหวกเหวกอะไรก็เปิดเพลง แล้วแพนกล้องทำภาพสโลโมชั่นไปๆมาๆกับภาพทิวทัศน์ราวภาคก่อนทำเอาไว้ แม้กระนั้นอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ยังเป็นเสมือนก๊วยเตี๋ยวจานชามนึงที่เต็มไปด้วยน้ำซุป ยังให้เครื่องกับเส้นมาไม่สมดุลมากแค่ไหน
เรท R 18+ เหมือนเคยในช่วงเวลาที่ดีกรีความแซ่บของหนังภาคนี้ที่เผื่อใครกันแน่ต้องการรู้ บอกตรงๆตามความรู้สึกเลยว่า เพิ่มความแซ่บขึ้นจากภาคที่แล้วขึ้นมาอยู่บ้าง มีฉาบวาบหวิวและก็ฉาก 18+ แทรกเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าก็ยังคงเป็นการใส่เข้ามาด้วยฟีลแห้งๆจืดชืดๆที่เปลี่ยนเป็นความพากเพียร ไม่ว่าจะเป็นพากเพียรยั่ว มานะโลมเล้า เพียรพยายามซาบซึ้ง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในซีนเล่านี้เป็นสิ่งที่อุตสาหะมากจนเกินความจำเป็น มากมายจนกระทั่งอาจจะทำให้ผู้ชมเคลิ้มตามกระทั่งเผลอหลับไปได้เลย
ด้วยการที่หนังเพียรพยายามกลับไปขายแนวอีโรติกแล้วก็วาบหวิวแบบเดิมๆโน่นยิ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อรายละเอียดของหนัง เนื่องจากเอาเข้าจริงๆพวกไดอะล็อกและก็บทต่างๆของ ภาคนี้ เกือบจะมิได้จูงใจผู้ชมสักเท่าไหร่แล้ว ไม่ว่าจะซีนอารมณ์หรือซีนดราม่าอะไรก็ตามกลับไม่ทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อตามอะไรอีก เนื่องจากว่าส่วนประกอบทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนเป็นแนวขนานแบนไปหมดแล้ว
การออกแบบนักแสดงต่างๆในเรื่อง ก็ยังคงแปลกแล้วก็ขัดใจขัดอารมณ์อีกต่อไป ซีรีย์ Netflix ไม่ว่าจะเป็น 3 นักแสดงหลักของเรื่อง ที่ประดิษฐ์ประดอยลีลากันมากจนเกินไปสักนิดสักหน่อย ทั้งหนังยังมีตัวละครสมทบหลายๆตัวที่เกินจำเป็น โดยยิ่งไปกว่านั้นบทสหายนางเอกที่เป็นติดอยู่แรกเตอร์ที่เสมือนจะดี มาช่วยดึงสติให้ กลับเป็นตัวละครที่เสริมเข้ามาแล้วก็ทำให้น่าอารมณ์เสียที่สุดในหนังเลยก็ว่าได้
เลิฟซีนก็ยังจัดแน่นจัดเต็ม มีเลิฟซีนสลับไปๆมาๆระหว่างเลาร่ากับสองชายหนุ่ม มีอีกทั้งซีนใจแล้วก็ของแท้ เลิฟซีนกับทุ่งนาโชคือแซ่บเว่อร์แล้วก็นาน รุ่มร้อนมากกว่าภาคที่แล้วแม้กระนั้นโดยรวมยังอ่อนกว่าภาคแรก ภาคนี้มีเซอร์ไพรส์คิสด้วย เซอร์ไพรส์แบบยิ่งนักรุนแรงไปเลย ไม่สปอยนะไปดูเอง เซอร์ไพรส์แน่ตกลงว่า ภาคนี้ ดียิ่งขึ้นจาก 365 Days: This Day ขึ้นมานิดหนึ่ง นิดหนึ่งจริงๆตรงที่รายละเอียดของหนังต่างๆมีบทขึ้นมาบ้าง แม้กระนั้นภาพรวมนั้นนี่ก็ยังคงเป็นหนังที่มีส่วนประกอบต่างๆจัดได้ว่าไม่น่าอภิรมย์เท่าไร ไร้ซึ่งเสน่ห์ ขาดอารมณ์ร่วม แม้ว่าจะเป็นหนังโรแมนซ์อีโรติกความคาดหวังจะขายฉากวาบหวิว 18+ แม้กระนั้นก็ยังคงถากถางใส่เข้ามาแข็งทื่อๆแล้วก็จืดจางไม่น้อย
All the Money in the World
ในปี 1973 หลานชายของปู่ที่เป็นเจ้าของแอ่งน้ำมันที่มั่งมีที่สุดคนหนึ่งในโลก เป็นคนแรกที่ร่ำรวยเกินพันล้านในประวัติศาสตร์เลย ท่องเที่ยว ใช้เวลาพักส่วนตัวที่จาไมก้า ก่อนที่จะถูกลักพาตัวไป แล้วบิดามารดาของน้องจำเป็นต้องระดมทุนและก็หารายได้จากทั้งโลกเพื่อช่วยลูกชาย เพราะเหตุว่าปู่ของเขาไม่ยินยอมชำระเงินช่วยเรื่องราวที่ว่าเกิดขึ้นในปี 1973 เมื่อ จอห์น พอล เก็ตตี้ลำดับที่สาม (ชาร์ลี พลัมเมอร์) โดนจับไปเรียกค่าไถ่กลางเมืองโรม ประเทศอิตาลี รวมทั้งด้วยเป็นหน่อเนื้อสกุลเก็ตตี้ทำให้ เกล (มิเชลล์ วิลเลียมส์) แม่ของพอลบากบั่นทำทุกทางเพื่อหวังให้
จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) ปู่มหาเศรษฐีสุดเย็นชา ยอมแบ่งปันเงินมาจ่ายค่าไถ่ให้มิจฉาชีพแม้กระนั้นการจะกลับใจคนใจแข็งที่มองเห็นเงินดียิ่งกว่าหลานนั้นย่อมไม่ใช้ว่าจะง่ายโดยงานนี้เกลหวังพี่งพาได้เพียงแค่เฟลตเชอร์ เชส (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) สมัยก่อนหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาผู้ช่วยที่เก็ตตี้คนปู่หวังให้ไปพูดจาลดค่าไถ่จากขโมย
แน่ๆล่ะว่าการได้เรื่องราวเรียกค่าไถ่กระเทือนประวัติศาสตร์มาทำเป็นหนังย่อมมีความน่าดึงดูดใจในตนเองอยู่แล้ว ซีรีย์ Netflix แม้กระนั้นสิ่งที่ผู้กำกับอย่างริดลีย์ สก็อตต์ แต่งให้เรื่องราวมีไม่เหมือนกันจากหนังเรียกค่าไถ่อื่นๆก็ตรงที่การใส่เนื้อหารวมทั้งสร้างมิติให้นักแสดงทุกตัวด้วยภาษาภาพยนตร์จนกระทั่งเรื่องราวมองเหมือนจริงและก็แทบจะไม่มีผู้ใดเป็นวีรบุรุษหรือคนร้ายที่จริงจริงในเรื่องราวนี้ได้เลยสักคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งวางแบบสถานการณ์ห้อมล้อมผู้แสดงนักแสดงอย่าง จอห์น พอล เกตตี้ ซีเนียร์ ที่มีอีกทั้งความไม่แยแสรวมทั้งเปล่าเปลี่ยว
ภายใต้บ้านข้างหลังใหญ่มโหฬารเต็มไปด้วยทรัพย์สินราคาเป็นอันมากกลับมีแสงสว่างเพียงแค่เล็กๆน้อยๆพอเพียงส่องให้เขามองเห็นเพียงแค่ค่าน้ำมันบนกระดาษเพื่อสะท้อนความเป็นคนมั่งคั่งที่หมดความไว้ใจและไม่เห็นค่าของคนเรา ทำให้ทั้งยังเรื่องนอกเหนือจากการที่จะจำต้องมานั่งลุ้นว่าเกลและก็เฟลตเชอร์จะช่วยพอลได้ไหม พวกเรายังจะต้องมาลุ้นให้ท่านปู่ขี้เหนียวยอมใจอ่อนแล้วก็มีมนุษยธรรมซักคราวซึ่งถือว่าเป็นการผลิตผู้แสดงที่เฉียบแหลมมากมาย ไม่เพียงเท่านั้นผู้แสดงฝั่งมิจฉาชีพอย่างสินควอนต้า (โรแมง มองริส)
ที่หากแม้บริเวณใบหน้าจะมองโหดร้ายแต่เปี่ยมความเอื้อเฟื้อจนกระทั่งเป็นเพียงแต่ทางออกเดียวของพอลท่ามกลางคนโฉดที่ลักพาตัวเขามาก็ยังสร้างอีกทั้งความขำขันและไม่น่าเชื่อถือให้กับเรื่องราวได้ลุ้นระทึกกันไปอีกขั้นอีกด้วยไม่เพียงเท่านั้น ริดลีย์ สก็อตต์ ยังสามารถควบคุมจังหวะจะโคนในแต่ละฉากให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกกันตลอดแถมยังลวงล่อผู้ชมกันไม่เว้นแต่ละซีน ทั้งยังการใช้โมครั้งฟหรือวัตถุกระตุ้นเรื่องอย่างรูปสลักที่ถูกวางให้เปลี่ยนเป็นของมีราคาในที่มาของเรื่องก่อนเรื่องจริงจะเผย
ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะช่วยก่อร่างสร้างความระทึกให้กับเรื่องราวแล้วมันยังผลักดันกับธีมหลักของเรื่องอันว่าด้วยค่าที่มนุษย์ปั้นแต่งให้สิ่งต่างๆและก็ช่วยเปิดเงื่อนผู้แสดงในเชื้อสายเก็ตตี้ที่แทบจะมิได้ผูกพันธ์กันด้วยสิ่งใดเว้นเสียแต่เงินทองทรัพย์สินเพียงเท่านั้น แถมหนังยังมีจุดชวนขันอย่างความโง่เขลาโง่เขลาของโจรและก็ยังรวมทั้งจุดที่หลอกผู้ชมให้มั่นใจว่า พอล ไม่เป็นอันตรายแล้ว ก่อนที่จะแว้งกัดผู้ชมจนกระทั่งพวกเราไม่บางทีอาจคาดคะเนแนวทางของเรื่องราวได้อีก ซึ่งส่วนนี้คงจะจำเป็นต้องสรรเสริญ เดวิด สการ์ขว้าง มือเขียนบท The Last Castle (2001)
ซึ่งสามารถสรุปเรื่องราวจากหนังสือบันทึกความจำสู่บทหนังตื่นเต้นครบรสอีกทั้งความสนุกสนานและไม่ด้อยด่าทอในทางการผลักดันและส่งเสริมให้คนกำเนิดพุทธิปัญญาในที่สุด แน่ๆล่ะว่าใครกันแน่ก็อาจจะต้องสรรเสริญ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ซึ่งสามารถสวม จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ ได้อย่างสุขุมและก็สามารถลักขโมยซีนได้ทุกฉากที่ปรากฎตัว โดยแทบกลืนรับประทานแล้วก็แปลงเป็นผู้แสดงมหาเศรษฐีใจแข็งได้อย่างเกือบจะไม่ต้องอุตสาหะ ถึงกระนั้นพวกเราก็ยังไม่อาจมองผ่าน มิเชลล์ วิลเลียมส์ ในบท เกล แม่ผู้บากบั่นทำทุกทางให้ได้ลูกกลับมา
ทั้งยังสีหน้าท่าทางแววตารวมทั้งการแสดงที่นำพาอารมณ์นักแสดงให้ผู้ชม ซีรีย์ Netflix ได้ทราบสึกพังทลายตามคุณเมื่อใดก็ตามได้ยินเสียงโทรศัพท์ได้จริงๆจนกระทั่งบางเวลาปัจจัยที่มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ยอมบริจาคส่วนไม่เหมือนกับการถ่ายซ่อมแซมถึงหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญเข้ากองทุนต้านทานการใช้ความรุนแรงทางเพศในชื่อมิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ คงจะเพื่อทดแทนกับความไม่เป็นธรรมของค่าแรงที่เขาได้มากกว่ามิเชลล์เป็นร้อยเท่านั่นเอง
หนังที่ได้แรงผลักดันมาจากความเป็นจริงหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 12 นาที ดูแลโดย Ridley Scott เป็นหนังที่ได้แรงดลใจมาจากความเป็นจริงที่เกิดสังกัดเชื้อสายเก็ตตี้ ที่หลานชายของเขา ถูกลักพาตัวไปจริงๆรวมทั้งปู่ของเขาก็ไม่ยินยอมจ่ายค่าไถ่จริงๆซึ่งได้รับความพึงพอใจจากสื่อในประเทศสหรัฐฯในยุคนั้้น ซึ่งหนังประเด็นนี้ได้ชิงรางวัลออสการ์มาถึง 9 รางวัล ถึงคดีเรียกค่าไถ่ที่มีปู่ขี้ตระหนี่สูงที่สุดในโลก ซึ่งเข้า Netflix แล้ว
เป็นหนัง 2 ชั่วโมงกว่าๆที่เล่าเรื่อยแต่ว่าข้างหลังมองจบจำเป็นต้องอุทานว่านี้มันบันเทิงใจเป็นบ้า nexobet mm มีหนังลักพาตัวไม่กี่เรื่องที่คนเขียนรู้สึกเห็นใจแล้วก็เห็นอกเห็นใจมิจฉาชีพขึ้นมา แม้ว่าจะกระทำตนชั่ว และไม่น่าเอาตัวอย่างก็ตาม และก็ ประเด็นนี้ ก็เป็นเยี่ยมในหนังไม่กี่เรื่องที่คนเขียนรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เห็นอกเห็นใจขโมยจากใจจริง และก็คนเขียนมีความรู้สึกว่าหากนักเขียนเป็นมิจฉาชีพ คนเขียนอาจจะคิดแผนหาทางลักพาตัวปู่จอห์นมากยิ่งกว่าที่จะเป็นหลานชายที่ไม่เคยทราบอิโหน่อิเหน่ แถมบิดามารดายังขาดเงินจ่ายอีก
ก็เป็นหนังเนื้อดีที่มีเหตุผล การถ่ายรูปแล้วก็ส่วนประกอบในเรื่องจัดว่างามเสมือนเสพงานอาร์ตไปในตัว โลเคชันในเรื่องก็ดีแล้วมากมายๆด้วย ความถนัดการแสดงของผู้แสดงพูดได้ว่าโคตรเรียล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาขี้ตระหนี่ๆโลกนี้มีแม้กระนั้นเงินของผู้ที่มารับแสดงเป็นคุณปู่จอห์นเลย ทั้งยังในช่วงเวลาที่พวกเราทุกข์ยากลำบากผู้เดียวที่เป็นห่วงพวกเราจากใจจริงๆก็อาจมีแม้กระนั้นแม่ของพวกเรา รู้สึกได้ถึงพลังความรักอันยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่ที่อยากได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุ้มครองป้องกันลูกชายผู้เดียวของตนจากหนังประเด็นนี้เลย
หนังโดนจับตามองในวงกว้าง ตั้งแต่การเลือกเสนอเอา ซีรีย์ Netflix เรื่องราวจริงของคดีเรียกค่าไถ่ที่โจษจันที่สุดในประวัติศาสตร์มาเผยแพร่ รวมทั้งการตัดสินใจของ Ridley Scott (ผู้กำกับ Alien, Blade Runner, Gladiator, The Martian อื่นๆอีกมากมาย) ที่กล้าลงทุนถอด Kevin Spacey (จาก American Beauty, Baby Driver อื่นๆอีกมากมาย) ออกมาจากหนัง เพราะว่าข่าวสารฉาวโฉ่กรณี Sexual Harassment ในขณะที่หนังถ่ายทำเกือบจะเสร็จสิ้นแล้วKevin Spacey เป็นตัวละครนำสำคัญของเรื่อง เป็นเล่นบทเป็น J. Paul Getty (อภิมโหฬารมหาเศรษฐี ที่มั่งคั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก)
โดยผู้ที่มาแทนที่เขา เป็นต้นว่า Christopher Plummer (ดาราหนังผู้ครอบครองรางวัลออสการ์ที่แก่ที่สุดในโลกจากผลงานเรื่อง Beginners)มีฉากของ J. Paul Getty อยู่ไม่น้อย แถมแต่ละฉากล้วนสำคัญต่อการเดินเรื่องแล้วก็เส้นเรื่อง แต่ว่าแม้กระนั้น Ridley Scott ไม่เลื่อนระบุวันฉาย ทำให้เขา คณะทำงาน รวมทั้งสองผู้แสดงนำฝ่ายอย่าง Mark Wahlberg (จาก TheFighter, Patriots Day อื่นๆอีกมากมาย) แล้วก็ Michelle Williams จะต้อง reshoot ให้ทันด้านใน 6 อาทิตย์ (แต่ว่าปู่ Plummer ถ่ายซ่อมแซมจริงๆเพียงแค่ 10 วันนะ) ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ท้ารวมทั้งเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นอย่างยิ่ง