รวมทั้งยิ่งมาเกาะติดคู่กระทำแสดงกับศิลปินรุ่นใหญ่ “เมโกะ ฮาระดะ” เปลี่ยนเป็นคู่ดาราที่เข้ากันลงล็อกจังหวะกันได้อย่างพอดี นี่สิ…ผู้แสดงมือโปรตัวจริง ประสบการณ์ของคุณได้ถูกประยุกต์ใช้สำหรับในการถ่ายทอดประเด็นนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวอีกทั้งพาร์ทอดีตกาลและก็ตอนนี้ คุณคนนี้สามารถแบกรับหนังอีกทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างอยู่มือ กับการแสดงที่น้อยแม้กระนั้นมากมาย แล้วก็ปะทุขึ้นมาได้แบบกัดซาบซึ้งใจผู้ชมอย่างยิ่ง
“ห๊ะ” เป็นคำอุทานแรกตั้งแต่หนังจบลง พวกเรานั่งอึ้ง นั่งงงงัน นั่งอึน นั่งแบบไม่รู้จักจำเป็นต้องรู้สึกอะไรกับหนังหัวข้อนี้ ตั้งแต่ End-credit ขึ้น มองเห็นชื่อผู้กำกับ คณะทำงาน ผู้แสดง จนถึงจอดำ ไฟในโรงภาพยนต์เปิด ก็ยังคงวงเวียนอยู่กับความนึกคิดตนเองว่า “ห๊ะ อะไรวะ”บรรยายเรื่องย่อสั้นๆกล้วยๆของ Sick of Myselfเกิดเรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่หิวแสงสว่างมากมายๆอยากได้เป็นจุดสนใจสูงถึงสูงที่สุด คุณชอบทำทุกวิธีการเพื่อผู้คนรอบกายหันมาพึงพอใจในตัวคุณ
แล้วคุณก็ใช้แนวทางแบบสุดขั้วที่กู่ไม่กลับเพื่อเรียกร้องความพึงพอใจแบบสุดๆทราบเท่านี้ล่ะ และจากนั้นก็มานั่งห๊ะ! ไปตลอดเรื่องแบบผมเนี่ยล่ะในอดีตกาล สแตน ลี (Stan Lee) ผู้ให้กำเนิดไอ้แมงมุมเคยบอกไว้ว่า “ศัตรูของ ‘Spider-Man’ จำเป็นต้องมาจากคนรู้จักกัน คนใกล้ตัว เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน หรือผู้ที่ได้รับผลพวงจากปีเตอร์รวมทั้ง ‘Spider-Man’ อีกทั้งทางตรงทางอ้อม” ซึ่งตัวของ ‘The Lizard’ ก็คือหนึ่งในนั้น เพราะเหตุว่าตัวของเขานั้นมีสาเหตุมาจากความอยากแตกหน่อแขนที่เคยเสียไปให้กลับมา
ด้วยการทดสอบที่มีปีเตอร์ไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาสูตรยา ที่สกัดมาจากกิ้งก่าซึ่งสามารถผลิออกหางตนเองได้ แต่ว่าสูตรยาเมื่อใช้กับมนุษย์กลับมีผลตรงกันข้าม ให้คนๆนั้นแปลงเป็นกิ้งก่าที่หิวเหลือด ซึ่งเกิดเรื่องราวในรูปภาพยนตร์ ‘The Amazing Spider-Man’ ส่วนในหนังสือกับภาพยนตร์นั้นจะใช้ชื่อเดียวกันเป็น ดร.เคอร์ตำหนิส คอนเนอร์ (Dr. Curtis Connors)
ที่เป็นนักพันธุศาสตร์ซึ่งค้นคว้าเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจของสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งสามารถผลิออกหางที่ขาดขึ้นมาได้ ก่อนที่จะเขาจะปรับปรุงยาจาก ‘DNA’ ของจิ้งจกขึ้นมา แต่ว่าผลปรากฏว่าเป็นการเปลี่ยนร่างรวมทั้งประมือกับ ‘Spider-Man’ ซึ่งตัวของดร. เคอร์ติเตียนจะเป็นทั้งยังมิตรที่ช่วยเหลือปีเตอร์ในหลายๆเรื่อง และก็เป็นศัตรูเมื่อเขากำเนิดควบคุมร่างมิได้ในบางที แล้วก็เขาก็ไปแสดงตัวในรูปภาพยนตร์ ‘Spider-Man No Way Home’ ด้วย คงจะจำเป็นต้องรอดูว่าจะคืออะไร
เอาจริงเอาจังๆมันอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอะไรแฝงไว้ลึกซึ้งล้นหลามกว่านั้น แม้กระนั้นผมนึกไม่ออกจริงๆว่าข้างหลังมองจบแล้วผมได้อะไรไปจากหนังประเด็นนี้ เข้าไม่ถึงความมุ่งมั่นของผู้กำกับจริงๆถ้าเกิดมองตามเนื้อเรื่องนะมันไม่ใช่หนังมันมองยากนะ มันมองง่ายดาย ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลย ตามเรื่องตามราวย่อที่บอก พวกเราจะได้มองเห็นตรรกะสติไม่ดีๆเจ็บไข้ๆกระทั่งคงจะกล่าวได้ว่าเป็นโรคของนางเอกเอกตลอดทั้งเรื่อง และก็ผลพวงจากสิ่งสุดขั้วที่คุณทำ รวมทั้งเท่านั้นล่ะ
ที่ผมได้จากหนังประเด็นนี้ จริงๆหนังบางครั้งอาจจะเพียงแค่ต้องการบอกพวกเราว่าในโลกมันมีคนหิวแสงสว่างหนักมากมายๆจนถึงเปลี่ยนมาเป็นโรคนะ มีคนได้รับผลพวงจากพฤติกรรมอย่างงี้จำนวนมากเลยจ๊า ก็บางทีอาจจะเพียงแค่โดยประมาณนั้น หรือมันมีอะไรมากยิ่งกว่านั้นผมก็ไม่เคยรู้เช่นกัน แม้กระนั้นเพียงพอมาถึงผลสรุปของหนัง แล้วย้อนกลับมามองชื่อหนังอีกครั้ง คงพอเพียงสรุปได้ว่า “เอ้อ นางเอกมันก็อาจเบื่อตนเองเช่นกันล่ะ” มั้ง
รีวิว THE BLACK PHONE
ยอดเยี่ยมหนังสยองขวัญที่มาแรงในตอนนี้ รีวิวหนัง ของผู้กำกับ สก็อต เดอร์ริกสัน ดูหนังผ่านเน็ต ดูหนัง hd สยองขวัญ แนว การฆ่า เอาชีวิตรอดถึงที่เหมาะไหนเมื่อใดก็ได้ หนังใหม่ hd ดูหนังผ่านเน็ตฟรี hd ความยาว 102 นาที แบบจัดเต็มทุกนาที ถ้าเกิดถามคำถามว่าหนังมันสนุกสนานมั้ย มันก็บันเทิงใจนะ ไม่มีเบื่อ เพราะว่าหนังมีความเฮฮาร้าย มีการใส่มุกหยอดมาถูกตอนถูกจังหวะให้คนได้หัวเราะกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผู้แสดงนำทำ ได้หัวเราะไปกับตรรกะฟั่นเฟือนๆเจ็บป่วยๆของนางเอก
โอเคพวกเรามาดูถึงงานภาพกันบ้าง หนังมันก็มิได้มีซีนงามๆอะไรมากแค่ไหน หลายฉากก็คือการใช้ Handeld ถือกล้องถ่ายรูปถ่าย มุมกล้องถ่ายรูปก็ปกติ ในด้านการถ่ายทำก็มิได้มีอะไรน่าชมเชยเท่าไร แม้กระนั้นอย่างไรก็ดี กลุ่ม make up ก็เสริมสวยนางเอกออกมาได้แจ๋วดี มีทั้งยังเหมือนจริง รวมทั้งมองเวอร์เกินจริงแบบตั้งมั่นให้มันเกินจริงอีกหนึ่งส่วนประกอบที่ไม่เอ่ยถึงคงมิได้ใน A Hundred Flowers ก็คงเป็นการใส่ส่วนประกอบงานสร้างนิดๆหน่อยๆที่เป็นกิมไม่กที่น่าดึงดูด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานภาพของหนังเรื่องแรกของผู้กำกับเก็นกิ จัดว่าสอบได้ฉลุยมากมายๆเนื่องจากงานจุดนี้มีส่วนช่วยบิวท์อารมณ์ของหนังได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งหนึ่งจุดที่ถูกใจมากมายๆก็คือการเล่นกับสีในหนังประเด็นนี้ ที่นำเอาสีมาใช้เป็นผู้แทนของนักแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สีเหลือง กับ สีน้ำเงิน แม่สีที่ต่างเฉดกันกลับอยู่คู่กันได้แบบมีสีสั้นโดยสรุปแล้วนั้น A Hundred Flowers ให้รักพาแม่กลับมา เป็นหนังดราม่าที่โยงใยหลักสำคัญครอบครัวได้อย่างแยบคาย
การย่างเยื้อเข้ามาของสภาวะโรคสมองเสื่อม แปลงเป็นเรื่องสำคัญของทุกครอบครัว การดูแลซึ่งกันและกันในยามที่ยังจำกันได้อยู่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ก็เช่นเดียวกับที่หนังบอกเอาไว้ว่า “งามอย่างยิ่ง แต่ว่าจะยังคงคิดออกมั้ยนะ?” ด้วยเหตุว่าเรื่องราวชีวิตแต่ละมีหลายสิ่งถั่งโถมเข้ามาจำนวนมาก บางคราวขณะที่ความสบายและก็ความงามก็ชอบถูกบังไปให้พวกเราลืมเลื่อนและก็คิดไม่ถึงนั่นเอง
ทางด้านผู้แสดงผู้อื่นพวกเราเฉยๆนะ นอกจากนางเอก ที่เข้าถึงหน้าที่ดี มองรู้จักผู้แสดงดีเลยล่ะ คุณแสดงได้ธรรมชาติ ตรรกะมองเจ็บป่วยจริง มองสติไม่ดีจริง แถมยังแสดงได้น่าสมน้ำหน้าในบางครั้งอีกด้วย สรุปแล้ว Sick of Myself เป็นหนังเรื่องนึงที่เขียนรีวิวยากแบบเดียวกัน เพราะว่าไม่รู้เรื่องจะเขียนอะไร หนังมันมีเท่านั้นจริงๆอย่างที่กล่าวว่านอกเหนือจากที่จะได้มองเห็นความหิวเสียง การปรารถนาเป็นที่พึงพอใจ จนถึงบางทีอาจพูดได้ว่าเป็นโรค ก็ไม่เคยทราบว่าหนังมันซ่อนเร้นอะไรไว้หรือไม่ แต่ว่ามันก็เป็นหนังที่สำราญใจอยู่เช่นกัน แม้กระนั้นก็ยัง “ห๊ะ” กับปัญหาที่เกิดขึ้นใน 1 ชั่วโมงครึ่งอยู่ดี เอาจริงเอาจังๆให้แต้มผิดแบบเดียวกันนะ ไม่รู้เรื่องจะให้แต้มอะไรอย่างไรเลยอะ ขอไม่ให้แต้มละกั๊น
หนึ่งในผู้แสดงสำคัญที่เป็นจุดแปลงให้กับชีวิตของปีเตอร์ ที่หากไม่มีการตายของคุณลุงเบ็นพวกเราก็คงมิได้มองเห็นเพื่อนบ้านที่แสนดีคนนี้ออกมาปราบคนร้าย ซึ่งพวกเราก็พอเพียงจะรู้ในรีวิวหนังภาพยนตร์ ‘Spider-Man 3’ ว่าตัวของ ‘Sandman’ หรือชื่อเต็มเป็น ฟลินต์ มาร์โก (Flint Marko) เป็นมิจฉาชีพที่ยิงคุณลุงเบ็นจนกระทั่งเสียชีวิต และก็ระหว่างการหลบซ่อนเขาได้ถูกอุปกรณ์เร่งอนูที่ทดสอบเกี่ยวกับโมเลกุลจับ
จนถึงทำให้เขาเปลี่ยนร่างเป็นทรายแล้วก็ออกหารายได้ (ชิงทรัพย์) เพื่อเอาเงินไปรักษาลูก ซึ่งในรูปภาพยนตร์ฟลินต์ มาร์โกยังมีชีวิตอยู่รวมทั้งได้ไปเป็นศัตรูในรูปภาพยนตร์ ‘Spider-Man No Way Home’ อีกด้วย ส่วนในฉบับหนังสือการ์ตูนจะเป็นอีกคนภายในชื่อ วิลเลียม เบเกอร์ (William Baker) เขาเผยตัวทีแรกในหนังสือ ‘The Amazing Spider-Man # 18-19’
โดยตัวของเขานั้นเป็นอดีตกาลนักเตะของสถานที่เรียนที่มักใช้ความรุนแรงระหว่างเล่น แม้กระนั้นด้วยความสามารถที่ดีก็เลยทำให้เขาได้เป็นบอลอาชีพ รวมทั้งด้วยการต่อว่าดพนันก็เลยทำให้เขาล้มบอลจนถึงถูกไล่ออกจากกลุ่ม แถมทำเรื่องไม่ถูกจำนวนมากจนถึงถูกขังเรือนจำโดยไอ้แมงมุม และก็ในระหว่างหลบซ่อนวิลเลี่ยมดันแอบหนีไปยังพื้นที่ทดลองปรมาณูบนริมทะเล กระทั่งทำให้เขารวมร่างกับทรายและก็ใช้พลังนี้สำหรับเพื่อการทำให้เกิดการจลาจลมานับตั้งแต่นั้น
รีวิวหนังใหม่ JOYFUL : ดวงใจฟูสตอปรี่ (2022)
Rom-Com Feel Good ซึ่งสามารถเชื่อใจในเครดิตผลงานผู้กำกับภาพยนต์อย่าง “ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ” ได้ในระดับหนึ่ง เพราะเขาเคยฝากผลงานหนังฮาบ้าๆบอๆ แต่ว่าก็อัดแน่นไปด้วยสาระของเรื่องดีๆไม่ว่าจะเกิดเรื่องไบค์แมนทั้งคู่ภาค และก็อีเรียมซิ่งที่มีเส้นเรื่องก็พาขำก๊ากทะลวงป่าอย่างยิ่งจริงๆมาต่อความสนุกสนานให้ผู้ชมใน “Joyful : หัวใจฟูสตอปรี่ (2022)” ที่ได้ร่วมมือกับงานสร้างระหว่าง M39 Pictures รวมทั้ง Tai Major เป็นหนังคอมเมดี้ในสไตล์และก็เอกลักษณ์ของเขาเอง
ที่มาสืบต่อความเพลิดเพลินในต้นแบบ 5 รส 5 เรื่องราว 5 คู่ ของความเกี่ยวพันที่ Happy คนละอย่างในแต่ละตอน ได้ผูกโยงเชื่อมเรื่องราวได้น่ารักน่าเอ็นดูเชื้อเชิญเอนหน้าจอย ดูเหมือนจะทุกตอนอยากที่จะให้ทำ Side Story เลย จะอิ่มเอมจุใจกว่านี้จริงๆ Warriors of Future นักสู้ที่อนาคต เกิดเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ บนโลกที่สถานการณ์อากาศไม่อำนวยต่องการดำรงชีวิต ทำให้มนุษย์ควรจะมีการปรับตัวสำหรับการดำรงชีวิตที่แสนอย่างลำบาก
แม้กระนั้นปรากฏว่ามีอุกกาบาตปัญหาพุ่งตกลงมา พร้อมทั้งนำเอาสิ่งมีชีวิต จำพวกพืชปัญหา มาเติบโตอยู่บนโลก ถึงแม้มันจะช่วยกรองลักษณะอากาศบนโลกดียิ่งขึ้น กลับพบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังเป็นภัยรุกราม อีกกองกำลังทหารจำต้องประจันหน้ากับกลยุทธ์แล้วก็สิ่งที่ไม่คาดคิดแต่เดิมแต่ก่อน Jeepers Creepers มันก็ไม่ใช่แฟรนไชส์ที่ดีโด่อะไรขนาดนั้น มันราวกับเป็นหนัง Home VDO ที่เช่ามาดูจากตามร้านค้ากับเพื่อนฝูงๆในคืน Movie Night มองกันแบบสำราญใจๆพร้อมฟันป๊อปคอร์นกินกัน
แม้กระนั้นแม้กระนั้นภาคแรกมันก็ยังมีความสยดสยอง มีความน่าสยอง ลุ้นระทึกตื่นเต้นอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาค 1 และก็ 2 แม้กระนั้นพอเพียงมาภาค 3 มันเริ่มไม่ไหวละ ยิ่งมาในภาคนี้ยิ่งเป็นการซ้ำเติมย่ำว่าไม่สมควรสร้างออกมาเลยจริงๆJeepers Creepers Reborn ในภาคนี้ก็บอกเล่าเรื่องราวไม่มีความต่างจากเดิมมากแค่ไหน เป็นการอิงนักแสดงเจ้า Creepers จากอันเก่า ที่ตื่นมาในทุก 23 ปี แล้วก็ออกหากินตรงเวลา 23 วัน กรุ๊ปคราวซวยดันเข้าไปบ้านร้างปิดตาย ที่เป็นดังรังลับคอยโฉบดึงหัวผู้คนอยู่
ก็สิ้นสุดกันไปแล้วกับ 10 นักแสดงข้างร้ายของ ‘Spider-Man’ อีกทั้งสามแบบที่พวกเราเสนอมานำเสนอหวังว่าจะถูกอกถูกใจกัน โดยวัตถุประสงค์ของเนื้อหานี้ก็เพื่อผู้ที่กำลังจะออกเดินทางไปมอง ‘Spider-Man No Way Home’ ได้ทราบเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของผู้แสดงต่างๆว่ามีภูมิหลังยังไง จะได้มองภาพยนตร์สนุกสนานเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ใดที่มองมาและสามารถอ่านย้อนไป
เพื่อย้อนความจำในภาคเก่าจะได้รู้เรื่องเรื่องราวมากเพิ่มขึ้น หรือถ้าหากผู้ใดกันที่ยังมิได้ไปดูหรือรอคอยให้ภาพยนตร์ฉายทางดิสนีย์พลัส ก็สามารถอ่านเพื่อย้อนความจำก่อนมองในอนาคตก็ได้ ส่วนคนไหนกันที่ดูแล้วก็สามารถเอาการราวในรูปภาพยนตร์มาคุยกันได้เพื่อเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ส่วนครั้งต่อไปจะเกิดเรื่องราวอะไรบ้างที่อยู่ในแวดวงเกมการ์ตูนก็ติดตามกันได้ตรงนี้ที่เดียว
หนังพังทลายทุกภาคส่วน ไล่ตั้งแต่ตัวชูโรงอย่าง Creepers เลย มิได้มีความเร้นลับน่าสะพรึงกลัว สยดสยองอะไรอีกแล้ว ราวกับคนแต่งชุดคอสเพลไปงานแข่งขันอย่างไรแบบนั้น ด้วยบทที่ทำให้ Creepers ราวกับเป็นตัวเฮฮา แถมแต่ละฉากยังโผล่มาซะชัดเกิ๊นกระทั่งหมดความน่าขนลุกเลย จากที่เคยกลัวการมาการโผล่แต่ละครั้ง ภาคนี้เวลามันโผล่มาหนถอนใจครั้ง รวมทั้งการฆ่าแต่ละซีนแบบพอเป็นพิธีมิได้น่าสะพรึงกลัวเช่นเดียวกัน
และก็นี่ก็คือหนังที่พึ่งจะผงาดขึ้นครอบครองตำแหน่งหนังประเทศฮ่องกงที่ทำรายได้สูงสุดชั่วกัลปวสานเรื่องใหม่ปัจจุบัน กับรายได้กว่า 80 ล้านเหรียญประเทศฮ่องกง ภายหลังที่ออกฉายมาในช่วงปลายสิงหาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา นี่เป็นหนังแอคชั่นไซไฟฟอร์มใหญ่ที่ใช้ทุนสร้างแทบ 2 พันล้านบาท ที่เป็นฝีมืองานสร้างของผู้กำกับ “อู๋ซวนฮุ่ย” ที่ขึ้นมาหยั่งดูท่าทีสร้างภาพยนตร์ประเด็นนี้ ภายหลังที่ชำนาญอยู่ในแวดวงดูแลเคล็ดลับพิเศษมายาวนานหลายปี
ถึงผู้กำกับจะมีประสบการณ์งานเบื้องหน้าเบื้องหลังมาออกจะนับเป็นเวลาหลายปี แต่ว่าเมื่อจำเป็นต้องมาถือจับสร้างภาพยนตร์ขนาดใหญ่โตขนาดนี้ ดูอย่างกับว่าจะมีอัตราที่ใหญ่เกินความสามารถเขาไปสักนิดสักหน่อย หากว่าหนังจะวางคอนเซ็ปต์รวมทั้งสตอปรี่มาค่อนข้างจะดี แต่โชคร้ายที่หลายส่วนประกอบในหนังดีไม่ค่อยกลมกลืนไปในทำนองเดียวกันเท่าใด มีความไซไฟที่พากเพียรเดินรอยตามฝั่งฮอลลิวูด แต่ว่าก็ยังทำออกมาได้ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควร
ทางด้านบทนี่หนักเลยนี่เป็นหนังความยาวเกือบจะชั่วโมงครึ่งที่ไม่สมควรจะยาวขนาดนี้ เพราะเหตุว่าบทโคตรย่ำคงที่ ราวกับนักเขียนบทบากบั่นจะมีผลให้หนังมองมีอะไร มีความพากเพียรจะเล่นกับพิธีการเซ่นสังเวย พาผู้แสดงไปพบสถานะการณ์โน่นนี่ เสมือนแบบหมดมุกแล้วอะ ไม่รู้จักจะเขียนอะไรแล้ว ยิ่งช่วงท้ายๆนี่หนักเลย วนอยู่ในบ้านข้างหลังเดียว ประเดี๋ยวเข้าห้องนู่นหนออกห้องนี้หน ขึ้นบนหนลงข้างล่างคราว ทั้งบทยังมีความไม่มีเหตุผลในหลายสิ่งหลายอย่าง ซีนคุณลุงป้าที่มาก็นานเกินจำเป็น, ซีนทึ่มๆกับการตัดสินใจทึ่มๆของเหล่าผู้แสดง, การใส่นักแสดงเพื่อนฝูงพระนางในตอนแรกมาเพื่อ? จากนั้นไม่ถามหาอีกเลย, การที่ Creepers ไปๆ